วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ร่ำรวยที่สุดในโลกให้ดู

ฟอร์บรายงานราชวงศ์ไทยรวยที่สุดในโลก ประชาไทรับลูกเลือกแปลมานำเสนอ

Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 1334 , 07:28:00 น.
พิมพ์หน้านี้


ข่าวไทยโพสต์อ่านที่นี่

โจมตีสถาบัน!สำนักทรัพย์สินฯแจงฝรั่งมั่ว/เบอร์มิวดาปูพรมรับแม้ว

00000000000000000000000

เรื่องเดิม

นิตยสารฟอร์บ เสนอบทความราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่าพระมหากษัตริย์ของไทยมีพระราชทรัพย์มากที่สุดในบรรดา 15 ราชวงศ์ที่อยู่ในทำเนียบการจัดอันดับของฟอร์บ

The World's Richest Royals (Tatiana Serafin, www.forbes.com, 20 August 2008)

http://www.forbes.com/home/2008/08/20/worlds-richest-royals-biz-richroyals08-cz_ts_0820royalintro.html

จากการตรวจสอบของสมาชิกเสรีไทยเว็บบอร์ดบางท่าน ตั้งข้อสังเกตว่า การประเมินมีข้อน่าสงสัย

สมาชิก ท่านหนึ่งกล่าวว่า....โดย นิตยสารดังกล่าวได้ระบุถึงทรัพย์สินขนาด 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วยที่ดิน หุ้นในเครือซีเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัทเทเวศน์ประกันภัย แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือการนำเสนอสิ่งที่ขาดหลักฐานมาพิสูจน์ ซึ่งอยู่ในประโยคสุดท้ายของสไลด์

คงต้องพูดได้แล้วว่าจิ๊กซอว์ชิ้น ใหม่ที่จะใช้โจมตีสถาบันถูกปล่อยออกมาแล้ว งานนี้นักวิชาการที่เป็นซ้ายรับมาขยายความต่อแน่ ประจวบเหมาะกับคนบางคนไปอยู่ต่างประเทศ เมื่อนำข้อเขียนของกาหลิบมาประกอบกัน รู้สึกว่าชัดมาก...

*****************************************

อย่างไรก็ดี พลันที่นิตยสารฟอร์บ นำเสนอบทความนี้ ก็มีข่าวตามมาในเว็บไซต์ "ประชาไท"

(10 ลำดับราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของฟอร์บ)

เมื่อนำเสนอไปได้ระยะหนึ่ง ประชาไทก็ได้ลบข่าวนี้ออก ไม่มีแม้ในข่าวเก่า...

และมีการนำเสนอข่าวพระราชดำรัสที่ตรัสแก่คณะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาใส่แทน

การแปลบทความนี้ ประชาไทมิได้แปลทั้งหมดแต่เลือกแปลบางช่วงบางตอน ในลักษณะสรุปข่าวมากกว่า

อย่างไรก็ดี "ประชาไท" ไม่ลืมที่จะตั้งข้อสัเเกตกับความนำในย่อหน้าแรกของบทความ"ฟอร์บ"ว่า...

....ทั้ง นี้ ในช่วงต้นของบทความ ฟอร์บรายงานสถานะของกษัตริย์คเยนทรา แห่งเนปาลว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประชาชนเนปาลได้ลงมติยกเลิกระบอบกษัตริย์ทั้งมีการกดดันให้กษัตริย์เคย นทราย้ายออกจากพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ เนื่องจากพระราชวังดังกล่าวจะถูกใช้ทำพิพิธภันฑ์....

ผมก็เลยคิดว่ามันแหม่งๆ ที่เขียนแบบนั้น

แม้จะเคยจัดอันดับมาก่อนหลายปี ก็ตามทีเถอะ...

ทำไมเลือกแปลส่วนที่มันจะเป็นปัญหาเหมือนคราวที่ NBT นำข่าวเนปาลมานำเสนอ และถูกสังคมวิพากษ์มาแล้วครั้งหนึ่ง

แคน ไทเมือง

หมายเหตุ

ที่ข้องใจคือทำไมประชาไท กล้าลงแล้วรีบลบ...งงครับ

*******************************************

เนชั่นทันข่าวรายงานแบบนี้

นิตยสาร"ฟอร์บส"ระบุในหลวงเป็นราชวงศ์ผู้ร่ำรวยสุดในโลก
06:29 น.

นิตยสาร" ฟอร์บส์"รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"ภูมิพล อดุลยเดช"พระชนมายุ 80 พรรษา ของไทย ทรงเป็นราชวงศ์ผู้มีพระราชทรัพย์มากที่สุดของโลก ( World Wealthiests Royal ) ด้วยพระราชท่รัพย์มูลค่ารวม 35,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1 ล้านล้านบาท

ฟอร์บส์ระบุว่าได้ปรับอันดับของพระองค์หลังจากสำนัก งานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งกำกับดูแลพระราชทรัพย์ เปิดเผยการครอบครองที่ดินจำนวนรวมมาก รวมทั้งจำนวน 87,000 ไร่ ( 3,493 เอเคอร์) ในกรุงเทพมหานคร แต่ฟอร์บส์ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า มูลค่าทรัพย์สินของราชวงศ์จากประเทศต่างๆส่วนใหญ่ที่ติดอันดับ มักนับรวมพระราชทรัพย์ของสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมด หรือทรงครอบครองพระราชทรัพย์ของประเทศในนามของพระองค์ ส่งผลให้ไม่มีราชวงศ์ใดที่ติดอันดับอภิมหาเศรษฐีประจำปีของนิตยสาร"ฟอร์บส ์"ในแต่ละปี

ผู้ที่ตามมาเป็นอันดับสองแบบห่างๆคือ ชี๊คคาลิฟา บิน ซาเอด อัล นาห์ยาน พระชนมายุ 60 พรรษา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศที่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน โดยทรงมีพระราชทรัพย์ 23,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 760,000 ล้านบาท อันดับสามคือ กษัตรย์อับดุลเลาะห์ บิน อับเดล อาซิซ พระชนมายุ 84 พรรษาของซาอุดิอาราเบีย ซึ่งเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ทรงมีพระราชทรัพย์ 21 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 700,000 ล้านบาท

สำหรับ สุลต่าน ฮาจี ฮาสซานี โบลเกีย แห่งบรูไน พระชนมายุ 62 พรรษา ผู้เคยครองอันดับหนึ่งนั้น ตกไปอยู่อันดับที่ 4 ด้วยพระราชทรัพย์ 20,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 660,000 ล้านบาท ซึ่ง"ฟอร์บส์"ระบุว่า เป็นเพราะทรงต้องตัดลดปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศลง เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำรองลดน้อยลง

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=335169

มติชนแปลจาก เอเอฟพี แบบเรียบๆ

ฟอร์บส์ จัดอันดับ 15 ราชวงศ์ร่ำรวยที่สุดในโลก

พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชทรัพย์ในปีนี้ถูกจัดว่ามากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน ซึ่งพระองค์ทรงดำเนินเป็นโครงการในพระราชดำริ มากกว่า 2,000 โครงการ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน การจัดอันดับราชวงศ์ที่มีทรัพย์สิน ร่ำรวยที่สุดในโลก 1-15 อันดับ โดยนิตยสาร ฟอร์บส์ ในวันที่ 21 สิงหาคม โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย มีพระชนมายุ 80 พรรษา เป็นกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 62 ปี ทรงมีพระราชทรัพย์สินมูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทำหน้าที่เป็นหน่วยลงทุน และจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ โดยพระองค์ได้รับพระฉายาว่า เป็นกษัตริย์นักพัฒนา เนื่องจากทรงทำโครงการพระราชดำริมากกว่า 2,000 โครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ยากจน ตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์

อันดับ 2 ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยัน พระชนมายุ 60 พรรษา มีพระราชทรัพย์ 23,000 ล้านดอลลาร์ ทรงครองนครอาบู ดาบี ซึ่งกำลังทำเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมของตะวัน ออกกลาง

อันดับ 3 กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุลลาซีซ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย พระชนมมายุ 84 พรรษา ทรงมีทรัพย์สิน 21,000 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นครองราชย์ปี 2005 จากนั้นทรงเริ่มก่อสร้างเมืองมูลค่า 26 พันล้านดอลลาร์

อันดับ 4 สุลต่านฮัจยี ฮาสซานาล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งบรูไน พระชนมพรรษา 62 พรรษา มีทรัพย์สิน 20,00 ล้านดอลลาร์ ขึ้นครองราชย์เป็นสุลต่านองค์ที่ 29 แห่งราชวงศ์บรูไนเมื่อ 41 ปีที่ผ่านมา ทรงรับมรดกตกทอดจากราชวงศ์ที่มีอายุยืนนานมา 600 ปี ทรงเป็นนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และผู้นำศาสนาด้วยพระองค์เอง เป็นประเทศที่มีน้ำมันและแหล่งแก๊สธรรมชาติ แต่ขณะนี้ปริมาณน้ำมันสำรองเริ่มลดลง ทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่รวยเป็นอันดับหนึ่ง

อันดับ 5 ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชฮิด อัล มากตูม พระชนมมายุ 58 พรรษา เจ้าผู้ครองนครดูไบ มีทรัพย์สมบัติมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ ทรงเป็นซีอีโอของดูไบ อิงค์ ทรงร่วมทรัพย์สมบัติกับพี่น้องอีก 2 พระองค์ เมื่อปี 2007 ทรงเข้าไปซื้อหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี และธนาคารดัตช์ เสนอซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า ชื่อบาร์เนย์ ที่นครนิวยอร์ก และบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อจัดตั้งกองทุนการศึกษาตะวันออกกลาง

อันดับ 6 เจ้าชายฮานส์-อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ พระชนมพรรษา 63 พรรษา มีทรัพย์ สิน 5,000 ล้านดอลลาร์ พระองค์ทรงรับมรดกตกทอดมาจากราชวงศ์ที่ยืนยาวกว่า 900 ปี ทรงเป็นนักสะสมศิลปะ 4 ศตวรรษ มีธนาคารเป็นของพระองค์เองคือแอลจีที แบงก์ แต่กำลังถูกสอบสวนในคดีที่เอื้อให้คนรวยเลี่ยงภาษีหรือไม่ และทรงมีอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทในสหรัฐที่ผลิตข้าวอินทรีย์คือไม่ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ใด ๆ

อันดับ 7 ชีค ฮามาด บิน คาลิฟา อัล ทานิ เจ้าผู้ครองแคว้นกาตาร์ มีพระชนมมายุ 56 พรรษา ทรัพย์สมบัติ 2,000 ล้านดอลลาร์ ทรงยึดอำนาจจากพระราชบิดาโดยไม่เสียเลือดเนื้อเมื่อปี 1995 เป็นผู้นิยมในด้านการกีฬา เและทรงเป็นผู้สนับสนุนสถานีวิทยุกระจายเสียงอัล จาซีรา รวมทั้งสถานีวิทยุภาคภาษาอังกฤษชื่อเดียวกัน

อันดับ 8 กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 4 แห่งโมร็อกโก พระชนมพรรษา 46 พรรษา มีทรัพย์สิน 1,500 ล้านดอลลาร์ ทรงได้รับฉายาว่า "กษัตริย์แห่งคนจน" พระองค์พยายามจะให้ประชาชนของตนพ้นจากความยากจน ทรงลงทุนธุรกิจเหมืองฟอสเฟต และด้านการเกษตร

อันดับ 9 เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก พระชนมพรรษา 20 พรรษา มีทรัพย์สิน 1,400 ล้านดอลลาร์ ทรงปกครองโมนาโก เมื่อปี 2005 ต่อจากพระราชบิดา เจ้าชายอัลเบิร์ต ทรงมีอสังหาริมทรัพย์ และมีหุ้นอยู่ในมอนติคาโล กาสิโน เป็นพระราชโอรสของเจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าหญิงเกรซ อดีตดาราหนังฮอลลีวู้ดที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว

อันดับ 10 สุลต่านคาบูส์ บิน ซาอิด แห่งโอมาน พระชนมพรรษา 67 พรรษา มีทรัพย์สมบัติ 1,100ล้านดอลลาร์

อันดับ 11 เจ้าชายการิม อัล ฮุสเซนี แห่ง อากา ข่าน (the Aga Kahn) อายุ 71 ปี มีพระราชทรัพย์ 1,000 ล้านดอลลาร์ เป็นกษัตริย์ผู้ไม่มีดินแดนครอบครองถือเป็นผู้นำจิตวิญญาณของชาวมุสลิม ประเทศอิสไมลี (Ismaili) ประมาณ 15 ล้านคน ครองราชสมบัติครบ 51 ปี มีธุรกิจตั้งแต่ฝรั่งเศสถึงสวิส ทรงชอบเลี้ยง และเพาะพันธุ์ม้า

อันดับ 12 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ พระชนมพรรษา 82 พรรษา ทรงมีทรัพย์สิน 650 ล้านดอลลาร์

อันดับ 13 ชีค ซาบาห์ อัล ซาห์บา เจ้าผู้ครองประเทศคูเวต พระชนมพรรษา 79 พรรษา ทรงมีทรัพย์สิน 500 ล้านดอลลาร์

อันดับ 14 พระราชินีบีทริกซ์ วิลเฮม มินา อาร์มการ์ด แห่งเนเธอร์แลนด์ พระชนม พรรษา 70 พรรษา ทรัพย์สมบัติ 300 ล้านดอลลาร์

อันดับ 15 กษัตริย์มัสวาติ ที่ 2 แห่งสวาซิแลนด์ พระชนมพรรษา 40 พรรษา ทรัพย์สมบัติ 200 ล้านดอลลาร์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระชนมพรรษาน้อยที่สุด


000000000000000000

หมายเหตุ

ตรวจ สอบเว็บประชาไทอีกครั้ง ได้นำข่าวเดิมที่ปลดลงขึ้นมาใหม่ และ แถม URL ให้ไปอ่านคำแปลฉบับสมบูรณ์ที่ "ฟ้าเดียวกัน" ( คนละสำนวนแปล )

และประชาไท ได้นำคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศมาลงด้วย

ข่าวประชาไท
ฟอร์บจัดอันดับใหม่ ราชวงศ์ไทยรวยที่สุดในโลก
- โพสท์ 21/8/2551

0000000000000000000000000

August 22, 2008

Forbes รายงาน ราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ฟ้าเดียวกัน

0000000000000000000000

ข่าวในเว็บกระทรวงการต่างประเทศ


บทความพิเศษของนิตยสาร Forbes เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด


22 สิงหาคม 2551 21:09:19

ตาม ที่ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2551 นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่บทความพิเศษเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประจำปี พ.ศ. 2551 และได้จัดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในลำดับแรก ของพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด นั้น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ชี้แจงว่า บทความดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากว่า ทรัพย์สินที่บทความนำมาประเมินนั้น ในความเป็นจริง มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ที่บทความเดียวกันนี้ไม่ได้จัดอันดับฐานะความร่ำรวย เพราะทรัพย์สินต่างๆ ไม่ใช่ของกษัตริย์ หากแต่เป็นของคนทั้งชาติ

สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ดินในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ส่วนใหญ่หน่วยงานราชการ องค์กรสาธารณะกุศลเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และจัดให้ประชาชน ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย รวมทั้งชุมชนอีกกว่าหนึ่งร้อยแห่ง เช่าในอัตราที่ต่ำ มีเพียงส่วนน้อยประมาณร้อยละ 7 ของที่ดิน ที่จัดให้เอกชนเช่าและจัดเก็บในอัตราเชิงพาณิชย์

กระทรวงการต่าง ประเทศขอเรียนเพิ่มเติมว่า บทความพิเศษดังกล่าวยังได้พาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรง เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งไม่ถูกต้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเพียงหน้าที่ขององค์พระมหากษัตริย์ ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศ ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไปยังนิตยสาร Forbes ด้วยแล้ว

00000000000000000000000000000000000000

สัญญาณอันตราย เกิดขึ้นระหว่าง อดีตนายกหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
แนวรบด้านข้อมูลข่าวสารน่าจะเข้มข้นขึ้นกว่าเมื่อครั้งมีรัฐบาลจาก คมช
เนื่องเพราะ ทักษิณกลายเป็นผู้ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีช่วงนี้คือนายสมัคร สุนทรเวช.

โดยเฉพาะจากจดหมายครั้งล่าสุดจากอดีตนายกรัฐมนตรีผู้หนีคดีที่ว่า

"วันนี้ไม่ใช่วันของผม"

นั่นคงมิใช่คำยินยอมจากผู้แพ้ แต่นั่นคือคำอาฆาตมาดร้ายที่พร้อมจะกลับมาในวันข้างหน้า

ข้อที่น่าเป็นห่วงคือ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะตั้งรับการบุกระรอกนี้

ของเครือข่ายระบอบทักษิณอย่างไร

รายการ"ความจริงวันนี้" ยังคงให้ข้อมูลข่าวสารด้านเดียวและยืนยงคงกระพันเช่นทุกวันนี้

รัฐบาลไทย ในนามนอมินีทักษิณยังคงเมินเฉยรู้แล้วแสร้งไม่รู้เช่นนั้นหรือไม่

อันตรายใกล้มาถึงแล้วครับ....นับถอยหลังกันได้เลย

แคน ไทเมือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น